ประตูสุดงามจาก โมดริช ช่วยปูทางไปสู่ชัยชนะของ ราชัน ชุดขาว เหนือ คิโรน่า

ลูก้า โมดริช

ประตูสุดสวยจาก ลูก้า โมดริช (Luka Modric) ในช่วงท้ายครึ่งแรก ช่วยให้ เรอัล มาดริด (Real Madrid) เอาชนะ คิโรน่า (Girona) ที่กำลังประสบปัญหาฟอร์มตกได้สำเร็จ ก่อนที่ วินิซิอุส จูเนียร์ (Vinicius Junior) จะมายิงประตูตอกฝาโลงในช่วงท้ายเกม พรสวรรค์ไม่เคยจางหาย แม้เวลาจะผ่านไป นักฟุตบอลที่มีชั้นเชิงอย่าง ลูก้า โมดริช (Luka Modric) วัย 39 ปี ก็ยังสามารถสร้างความแตกต่างได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก เขามอบประตูที่สวยงามและมีความสำคัญ ในการตัดสินเกมที่ยากลำบากกับคู่แข่งที่เล่นได้ดีแม้ผลงานจะไม่เป็นใจ คิโรน่า (Girona) ไม่ได้ให้ความง่ายใดๆ ที่สนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว (Santiago Bernabeu) แม้จะเก็บได้เพียง 3 คะแนนจาก 18 คะแนนที่เป็นไปได้ พวกเขาเล่นอย่างจริงจังและมีแกนกลางที่ดี นำโดย กัซซานิก้า (Gazzaniga) และ เครจชี่ (Krejci) อย่างไรก็ตาม นั่นไม่เพียงพอที่จะต้านทาน เรอัล มาดริด (Real Madrid) ที่แข็งแกร่ง ทีมที่ลดโอกาสการเข้าทำของคู่แข่งและใช้ประโยชน์จากพลังอันมหาศาลของแนวรุก แม้จะไม่ใช่วันที่ดีที่สุดของพวกเขา วินิซิอุส (Vinicius) เป็นคนเดียวที่ทำประตูได้ แต่กองหน้าทั้งสามคนต่างมีโอกาสที่จะเพิ่มสกอร์ชัยชนะอันสำคัญนี้ 

 

การแข่งขันชิงตำแหน่งจ่าฝูง ลา ลีกา (La Liga) ยังคงดำเนินต่อไป 

 

หลังจากอิ่มท้องจากมื้อกลางวันและเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) แฟนๆ ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว (Santiago Bernabeu) ก็ดูเงียบเหงาไปพักใหญ่ เป็นผลมาจากจังหวะการเล่นที่ช้าของ เรอัล มาดริด (Real Madrid) ในช่วงครึ่งแรก แม้จะเริ่มต้นด้วยการเคลื่อนบอลที่รวดเร็ว ใช้ประโยชน์จากความคล่องตัวของ เอ็มบัปเป้ (Mbappe) และ วินิซิอุส (Vinicius) ในทุกการวิ่ง แต่เมื่อ คิโรน่า (Girona) จัดตำแหน่งและปิดพื้นที่ ทีมของ อันเชล็อตติ (Ancelotti) ก็ทำให้ บรรดา นักเตะราชันชุดขาว เจาะได้ยากยิ่ง จังหวะอันตรายที่ชัดเจนที่สุดเกิดขึ้นเป็นการตอบโต้จากการบุกสองครั้งของทีมเยือน ครั้งแรก แวน เดอ เบ็ค (Van de Beek) ได้ยิงแต่เบาไป และ อาร์เนา (Arnau) ตอบกลับด้วยลูกอันตราย ทำให้ กูร์ตัวส์ (Courtois) ต้องเซฟก่อนที่จะเริ่มการสวนกลับ ในเวลาไม่กี่วินาที เอ็มบัปเป้ (Mbappe) พบตัวเองในตำแหน่งที่ดี ใช้ปลายเท้ายิง แต่ กัซซานิก้า (Gazzaniga) ก็เซฟได้ ในจังหวะที่สอง เกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา คิโรน่า (Girona) เร่งการโจมตีด้วยการจ่ายของ แดนจูม่า (Danjuma) ให้ แวน เดอ เบ็ค (Van de Beek) ยิงข้ามตัว กูร์ตัวส์ (Courtois) เซฟด้วยมือเดียวอย่างยอดเยี่ยม และ เรอัล มาดริด (Real Madrid) ก็วิ่งสวนกลับจนเหลือสองต่อหนึ่ง วินิซิอุส (Vinicius) และ เอ็มบัปเป้ (Mbappe) ปะทะกับ ดาบิด โลเปซ (David Lopez) หรืออย่างน้อยก็ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น เพราะ เครจชี่ (Krejci) วิ่งสปีดเต็มที่และมาถึงทันเวลาพอดีที่จะสกัดลูกยิงของ เอ็มบัปเป้ (Mbappe)

 

เรอัล มาดริด เปิดบ้านชนะ คีโรน่า 2-0 ในศึก ลา ลีกา ยังคงเกาะกลุ่มนำและมีสิทธิ ลุ้นแชมป์ ต่อไป

 

ทีมชุดขาวแสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นอย่างชัดเจน แม้จะมีการหมุนเวียนผู้เล่น โดย ดาบิด อลาบา (David Alaba) ได้กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงครั้งแรกหลังจากบาดเจ็บ โดยจับคู่กับ เราล อเซนซิโอ (Raúl Asencio) ที่ยืนหยัดในตำแหน่งนี้ได้อย่างมั่นคง พวกเขาเข้ามาแทนที่ รูดิเกอร์ (Rüdiger) ที่ทำงานร่วมกับ บัลเบร์เด้ (Valverde) ได้อย่างยอดเยี่ยม เซบาญอส (Ceballos) ก็ได้พักเช่นกัน ลูคัส (Lucas) เข้ามาเล่นทางขวา และ โมดริช (Modric) เล่นในแกนกลางร่วมกับ ชูอาเมนี่ (Tchouaméni) ที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ พวกเขาเผชิญหน้ากับทีมที่เล่นอย่างจริงจัง ตั้งใจที่จะไม่ทำผิดพลาดในการเล่นออกจากแดนหลังซึ่งเคยทำให้พวกเขาเสียเปรียบมาตลอดทั้งปี กัซซานิกา (Gazzaniga) ไม่รับลูกไว้เลยและพยายามเล่นบอลทแยงมุมเพื่อหลบการกดดันของทีมชุดขาว ทำให้เกมมีความสมดุลและมีโอกาสทำประตูน้อย จนกระทั่งจังหวะเตะมุมจากฝั่งซ้ายที่บอลถูกเคลียร์ออกมาหน้าเขตโทษ ที่นั่น ลูก้า โมดริช (Luka Modric) ที่ยืนอยู่โดดเดี่ยวและห่างจากประตู ได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำลายสถิติไร้สาระอย่าง ‘expected goal’ เขาควบคุมบอลด้วยอก ปล่อยให้บอลตกลงมา และยิงวอลเลย์อย่างยอดเยี่ยม ทำประตูที่คุ้มค่ากับราคาตั๋ว ในครึ่งแรกไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก นอกจากเสียงตะโกน ‘คอร์รัปชั่นในสหพันธ์’ เป็นครั้งคราว มิเชล (Michel) สั่งให้ทีมเดินหน้าอีกนิดเพราะเขามีนักเตะที่สามารถสร้างปัญหาให้ใครก็ได้ สิ่งนี้ รวมกับสกอร์ที่ยังแค่ 1-0 และการผ่อนคลายของทีมชุดขาว ทำให้ คีโรน่า (Girona) มีโอกาสมากขึ้นในครึ่งหลัง

พวกเขาสร้างโอกาสที่น่ากลัวในจังหวะสวนกลับที่ส่ง ดานจูม่า (Danjuma) เผชิญหน้าหนึ่งต่อหนึ่งกับ กูร์ตัวส์ (Courtois) แต่ยิงออก และแม้ว่าจะมีการเป่าล้ำหน้า แต่จังหวะนั้นก็ไม่ชัดเจนนัก มาดริด (Madrid) ตระหนักถึงความเสี่ยงและเร่งเกมทางฝั่งซ้าย โดยใช้ประโยชน์จากการกลับมาของ วินิซิอุส (Vinicius) สู่พื้นที่ที่เขาถนัด คือริมเส้นซ้าย เขาหลุดไปสองครั้ง แต่ไม่มีใครจบสกอร์จากการเปิดของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงพยายามหาช่องทางเข้าทางกลาง หามุมและยิงแรง ด้วยการเคลื่อนสะโพก แต่บอลไปชนคาน

เกมเปิดกว้างในช่วงท้าย มิเชล เปลี่ยนตัวสามคนพร้อมกันเพื่อเพิ่มความสดให้แนวรุก โดยส่ง ไบรอัน (Bryan) ทางซ้าย และ แอสพริลล่า (Asprilla) ทางขวา วิเคราะห์บอลไทย และใช้โควต้าการเปลี่ยนตัวหมดด้วยการส่ง มิโอฟสกี้ (Miovski) เป็นกองหน้าตัวเป้า หลังจากที่มีการเปิดบอลเข้ากรอบสองสามครั้งโดยไม่มีคนจบสกอร์ที่ชัดเจน อันเชล็อตติ (Ancelotti) ไม่รู้สึกอึดอัดกับการนำแค่ประตูเดียว วิเคราะห์บอลไทย เขาถอด อลาบา ออกและดึง ชูอาเมนี่ ลงมาเล่นเป็นกองหลัง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งตรงกลางด้วย กามาวิงก้า (Camavinga) และ เซบาญอส แอสพริลล่า แสดงให้เห็นทักษะการเลี้ยงบอลที่ดี แม้ว่าจะยังอ่อนเกินไปที่จะตัดสินเกมก็ตาม วินิซิอุส มีโอกาสชัดเจนสองครั้ง แต่เขาตัดสินใจผิดพลาดในการยิงทั้งที่ เอ็มบัปเป้ (Mbappé) และ โรดรีโก้ (Rodrygo) อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า และ เอ็มบัปเป้ ก็มีจังหวะควบคุมบอลสวยหรูหลังจากได้รับบอลยาวจาก โมดริช การเปลี่ยนตัวของทีมชุดขาวส่งผลดี และในครั้งที่สามพวกเขาไม่พลาด วินิซิอุส และ เอ็มบัปเป้ ร่วมกันนำเกมสวน เอ็มบัปเป้ จ่ายให้ วินิซิอุส ที่วิ่งแทรก และการยิงระยะใกล้ทำให้ กัซซานิกา เซฟไม่ได้ หลังจากบอลไปโดน บลินด์ (Blind) 2-0 และจบเกม มาดริด ยังคงไล่ล่า บาร์เซโลน่า (Barcelona) โดยใช้พลังงานน้อย พวกเขารู้สึกแข็งแกร่ง เพียงพอที่จะเอาชนะ คีโรน่า ได้โดยไม่ต้องต้องเปลืองแรงมานัก

 

แฮร์รี เคน และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ คว้ารางวัลเกอร์ด มุลเลอร์ โทรฟี่ร่วมกัน

แฮร์รี เคน และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ คว้ารางวัลเกอร์ด มุลเลอร์ โทรฟี่ร่วมกัน

แฮร์รี เคน (Harry Kane) กัปตันทีมชาติอังกฤษ และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappe) ดาวเตะจากเรอัล มาดริด (Real Madrid) ได้รับเกียรติคว้ารางวัล เกอร์ด มุลเลอร์ โทรฟี่ (Gerd Muller Trophy) ร่วมกัน หลังจากทั้งคู่ทำประตูได้สูงสุดในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยมีสถิติทำประตูเท่ากันที่ 52 ประตูในทุกการแข่งขัน รางวัลนี้ถือเป็นการยกย่องผู้เล่นที่มีความสามารถและทักษะการทำประตูอันยอดเยี่ยม ซึ่งเคนและเอ็มบัปเป้ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นนักเตะที่สำคัญทั้งในสโมสรและระดับทีมชาติ

หากคุณกำลังมองหาเว็บไซต์เดิมพันที่มั่นคงและเชื่อถือได้ ขอแนะนำ sbobet beer555 ที่มีบริการครบวงจรสำหรับแฟนกีฬา

เคน ร่วมรับรางวัลและขอบคุณทีม บาเยิร์น มิวนิก

เคนขึ้นรับรางวัลในงานด้วยตัวเอง หลังจากทำผลงานโดดเด่นในการลงเล่นฤดูกาลแรกกับบาเยิร์น มิวนิก (Bayern Munich) ทีมชั้นนำจากบุนเดสลีกา ซึ่งเป็นที่มาของการทำประตูหลายประตูที่สำคัญในฤดูกาลนี้ เคนกล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมทีม ทีมงาน และสโมสรบาเยิร์น มิวนิก ที่ช่วยสนับสนุนเขาจนทำให้สามารถทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยมและมีโอกาสได้รับรางวัลนี้ นอกจากรางวัลเกอร์ด มุลเลอร์ โทรฟี่แล้ว เคนยังติดอันดับที่ 10 ในรางวัลบัลลงดอร์ (Ballon d’Or) ประจำปีนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจอย่างยิ่งของนักเตะชาวอังกฤษผู้นี้

“ขอขอบคุณสโมสร บาเยิร์น มิวนิก เพื่อนร่วมทีม และทีมงานทุกคนที่ช่วยให้ผมสามารถทำประตูในฤดูกาลนี้ได้” เคนกล่าวพร้อมยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ นอกจากนี้ เขายังขอบคุณคาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ (Karl-Heinz Rummenigge) ตำนานของสโมสรบาเยิร์น มิวนิก ที่มอบรางวัลให้เขาในครั้งนี้ ซึ่งทำให้รางวัลนี้มีความพิเศษมากยิ่งขึ้นสำหรับเขา

รางวัลสโมสรยอดเยี่ยมและผู้จัดการยอดเยี่ยมสำหรับ เรอัล มาดริด

ในงานเดียวกัน สโมสรเรอัล มาดริด คว้ารางวัลสโมสรแห่งปี (Club of the Year) ด้วยความสำเร็จที่โดดเด่นในการแข่งขันลีกและรายการระดับนานาชาติ และผู้จัดการทีม คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) ได้รับรางวัลผู้จัดการยอดเยี่ยม (Johan Cruyff Trophy) อันเชล็อตติได้ทำงานอย่างทุ่มเทในการนำทีมคว้าแชมป์ลาลีกา (La Liga) และแชมป์ซูเปอร์โคปาแห่งสเปน (Spanish Super Cup) รวมถึงสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions League) ซึ่งเป็นแชมป์รายการนี้ครั้งที่ 15 ของเรอัล มาดริด

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของ เรอัล มาดริด ภายใต้การคุมทีมของ อันเชล็อตติ

ภายใต้การคุมทีมของอันเชล็อตติ เรอัล มาดริด แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของทีมและความสามารถของนักเตะ โดยมีถึง 7 คนที่ติดรายชื่อผู้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ ความสำเร็จนี้แสดงถึงความสามารถในการแข่งขันและการจัดการทีมได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เรอัล มาดริดเป็นทีมที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จในวงการฟุตบอลระดับสูง

ทุกการเดิมพันบน sbobet beer555 มีความปลอดภัยสูงและได้รับการตรวจสอบ ทำให้ผู้เล่นมั่นใจได้ในทุกการลงเดิมพัน