ถือว่าเกือบไปเหมือนกัน สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ตอนแรกในศึกลีคคัพ หรือ อีเอฟแอลคัพ รองรอบชนะเลิศที่เจอกับฮัลล์ ซิตี้ นัดแรกชนะไป 2-0 พอมานัดที่สองเล่นกันได้ไม่เอาอะไรเลย แย่กันไปหมด ทำให้ผลสกอร์ออกมาแพ้ไปซะ 2-1 เล่นเอากองเชียร์ทั้งขาประจำ และเฉพาะกิจบ่นกันอุบเลย แต่ถ้ามองในแง่บวกการแพ้ครั้งนี้ถือว่ามาถูกที่ถูกเวลาเหมือนกัน
การเล่นที่ดูเนือยลงไปอย่างชัดเจน
ในเกมนี้ต้องบอกว่าหลังจากที่กรำศึกมาอย่างติดต่อกันตั้งแต่ช่วงคริสต์มาส นักเตะหลายคนเริ่มออกอาการล้าอย่างเห็นได้ชัดเลย บางคนวิ่งเริ่มไม่ออกแล้ว นอกจากนั้นนักเตะเริ่มเจอสิ่งที่เรียกว่าความกดดันย้อนกลับมาเล่นงานตัวเองแล้ว จากเกมจะเห็นเลยว่าบางครั้งนักเตะเหมือน “ตั้งใจ” เล่นมากเกินไปจนไม่เป็นธรรมชาติสุดท้ายก็เกร็งตัวเองกันไปหมด เหมือนกับแบกคำว่าแพ้ไม่ได้ ห้ามแพ้ไว้บนบ่า หรือ สถิติชนะรวด สถิติไม่แพ้ ทำให้พวกเค้าดูเครียดมากเกินไปจนทำให้เล่นออกมาได้แย่
การปลดปล่อยความกดดัน
จริงอยู่ว่าไม่มีใครอยากแพ้ในเกมการแข่งขันแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นนัดไหนก็ตาม แต่ว่าการพ่ายแพ้ในครั้งนี้มันแย่ก็จริง แต่หากมองให้ดีมันก็อาจจะไปปลดปล่อยความกดดันที่มีอยู่ได้เหมือนกัน เมื่อไม่ต้องมาพะวงกับสถิติอะไร อาจจะทำให้นักเตะเล่นกันได้อย่างสบายๆมากขึ้น เหมือนช่วงแรกของการไล่เก็บแต้มขึ้นมาตอนนั้นพวกเค้าไม่กดดันอะไรเลย คิดแต่จะเล่นฟุตบอลเท่านั้นเอง
การสร้างแรงกระตุ้นใหม่ๆ
เมื่อแพ้แล้ว ต้องมาดูกันว่า ผู้จัดการทีมจะสามารถนำความพ่ายแพ้(แต่ยังเข้ารอบ) นี้มาเป็นแรงกระตุ้นให้กับตัวเองและทีมได้หรือไม่ ถ้าทำได้ การได้อัดฉีดแรงกระตุ้น เหมือนรีบูทตัวเองในครั้งนี้ น่าจะทำให้แมนยู กลับมาคึกคักสดชื่นจนพุ่งชนความสำเร็จได้อย่างน้อย ก็หนึ่งถ้วยแชมป์แน่นอน